แบบฝึกหัดท้ายบทที่
๑
๑.
สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เรื่อง
การพัฒนามนุษย์ การศึกษา การเรียนรู้และหลักสูตร
การพัฒนามนุษย์
มนุษย์
คือสัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผลสัตว์ที่มีจิตใจสูง ส่วนการพัฒนานั้นหมายถึง ทำให้เจริญ
( พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.
๒๕๒๕)
จากความหมายของศัพท์ดังกล่าว สรุปได้ว่า การพัฒนามนุษย์
คือการทำให้มนุษย์เจริญมีศักยภาพมากขึ้น
จนกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าในสังคมและประเทศ
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
เป็นการนำเอาศักยภาพของแต่ละบุคคลมาใช้ในการปฏิบัติงาน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างให้แต่ละบุคคลเกิดทัศนคติที่ดีต่อองค์การ
ตลอดจนเกิดความตระหนักในคุณค่าของตนเอง ดังที่จะอธิบายต่อไปนี้
มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพ สามารถพัฒนาให้เพิ่มพูนขึ้นได้
ทั้งด้านความรู้ ด้านทักษะและเจตคติถ้าหากมีแรงจูงใจที่ดีพอ
การพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ควรจะเป็นกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่การสรรหา
การคัดเลือกนำมาสู่การพัฒนาในระบบองค์การ
วิธีการในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะขององค์การและบุคลากร
ระบบการประเมิน จัดให้มีระบบการประเมินการพัฒนาความสามารถของบุคคลเป็นระยะ
ๆ เพื่อช่วยแก้ไขบุคลากรบางกลุ่มให้พัฒนาความสามารถเพิ่มขึ้นและสนับสนุนขีดความสามารถให้สูงและก้าวหน้าในตำแหน่ง
แนวความคิดของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แบ่งได้เป็น
๓ กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ ๑ ให้นิยามการพัฒนามนุษย์ว่า หมายถึง
การดำเนินการให้บุคคลได้รับประสบการณ์และการเรียนรู้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เพื่อที่จะนำมารับปรุงในการทำงานโดยวิธีการ ๓ ประการคือ
การพัฒนา (development) กระบวนการปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่ได้มุ่งตัวงาน
แต่มีจุดเน้นให้เกิดการ
การฝึกอบรม (training) เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้
โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับงานที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน
การศึกษา (education) การให้การศึกษาเป็นการเพิ่มพูนทักษะ
ทัศนคติ ตลอดจนเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวในทุกๆ ด้านให้กับบุคคล
กลุ่มที่ ๒
ให้นิยามการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ว่า หมายถึง การนำกิจกรรมที่มีการกำหนดและวางรูปแบบอย่างเป็นระบบเพื่อใช้เพิ่มพูนความรู้
ทักษะ ความสามารถ พฤติกรรมให้ดีขึ้น มุ่งเน้นการพัฒนาใน ๓ ส่วน ดังนี้
การพัฒนาบุคล Individual Development
การพัฒนาสายอาชีพ Career
Development
การพัฒนาองค์การOrganization
Development
กลุ่มที่ ๓
ให้นิยามการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ว่า หมายถึง การที่จะพัฒนาองค์การ
ให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างการเรียนรู้และงานเข้าด้วยกัน
มี ๓ ส่วน
ระดับบุคคล ระดับกลุ่มหรือทีมปฏิบัติงาน
ระดับระบบโดยรวม
การศึกษา
มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์
และกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการดำรงชีพ
รวมทั้งการเรียนรู้ตลอดชีวิตยังสร้างความได้เปรียบในการประกอบอาชีพที่ต้องแข่งขันกันในทุก
ๆ ด้าน สำหรับประเทศไทยมีกฎหมายบังคับให้ประชาชนทุกคนต้องจบการศึกษาภาคบังคับ
และสามารถเรียนได้จนจบการศึกษาภาคบังคับ
การศึกษา หมายถึง
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๔๒ มี ๓ รูปแบบคือ การศึกษาใน-ระบบ
การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
การศึกษาในระบบ หมายถึง การศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการศึกษา หลักสูตร
ระยะเวลาของการศึกษา
การวัดและการประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
การศึกษานอกระบบ การศึกษานอกระบบเป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย
รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา
โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
เช่น การศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษาชุมชน
การศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษาตามอัธยาศัยเป็นการศึกษาที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง
ตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม
สิ่งแวดล้อม สื่อ หรือแหล่งความรู้อื่น ๆ
การเรียนรู้
หมายถึง การได้รับความรู้ พฤติกรรม ทักษะ คุณค่า หรือความพึงพอใจ ที่เป็นสิ่งแปลกใหม่หรือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่
และอาจเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์สารสนเทศชนิดต่าง ๆ การเรียนรู้ของมนุษย์อาจเกิดขึ้นจากส่วนหนึ่งของการศึกษา
การพัฒนาส่วนบุคคล การเรียนการสอนหรือการฝึกฝน การเรียนรู้อาจมีการยึดเป้าหมายและอาจมีความจูงใจเป็นตัวช่วย
และอาจจะก่อให้เกิดพฤติกรรมการเรียนรู้หรือการวางเงื่อนไข
จุดมุ่งหมายของการเรียนรู้
พฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายของนักการศึกษาซึ่งกำหนดโดย บลูม และคณะ (Bloom and Others ) มุ่งพัฒนาผู้เรียนใน 3 ด้าน ดังนี้
พฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายของนักการศึกษาซึ่งกำหนดโดย บลูม และคณะ (Bloom and Others ) มุ่งพัฒนาผู้เรียนใน 3 ด้าน ดังนี้
1. ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) คือ
ผลของการเรียนรู้ที่เป็นความสามารถทางสมอง ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท ความจำ
ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์และประเมินผล
2. ด้านเจตพิสัย (Affective Domain ) คือ
ผลของการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงด้านความรู้สึก ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท ความรู้สึก
ความสนใจ ทัศนคติ การประเมินค่าและค่านิยม
3. ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) คือ
ผลของการเรียนรู้ที่เป็นความสามารถด้านการปฏิบัติ ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท
การเคลื่อนไหว การกระทำ การปฏิบัติงาน การมีทักษะและความชำนาญ
มีนักศึกษาได้ให้คำจำกัดของคำว่า การเรียนรู้ เอาไว้มากมาย
ซึ่งพอสรุปได้ว่านักศึกษาต่างเห็นว่า
การเรียนรู้ นั้นเป็นกระบวนการหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคล
ยกตัวอย่างดังนี้
Klein (1987 : 102) ได้ให้คำจำกัดความของการเรียนรู้ คือ
การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถาวรได้อย่างสัดส่วน
ในความสามารถแสดงพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในฐานะผลของประสบการณ์
ที่ได้รับความสำเร็จหรือไม่ได้รับความสำเร็จ
Good (อ้างใน สรุพันธ์ ตันศรีวงษ์. 2538
: 41) กล่าวว่า การเรียนรู้
คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
หรือการเปลี่ยนแปลงในทางตอบสนอง
Hilgard and Bower กล่าวว่า การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอันเป็นผลจากการฝึกฝนและประสบการณ์
แต่มิใช่ผลจากการตอบสนองที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น สัญชาตญาณ หรือ
วุฒิภาวะ หรือจากการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวของร่างกาย
เช่น ความเมื่อยล้า พิษของยา เป็นต้น
อาจสรุปได้ว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการหนึ่งที่จัดขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคล
ที่อาจมีผลสืบเนื่องจากประสบการณ์ หรือการฝึกฝน
โดยมีเป้าหมาย คือวัตถุประสงค์
ตอบสนองความต้องการ หรือแก้ปัญหาก็ตาม
การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ใน 3 ด้าน คือ ความรู้
ทักษะ และความรู้สึกที่เป็นผลจากสิ่งเร้า
สิ่งแวดล้อม ครู สื่อ อุปกรณ์การสอน ครอบครัว สังคม กระบวนการจัดการเรียนการสอน
แรงจูงใจ และมีการตอบสนองจากนักเรียน
ทำให้นักเรียนมีความสนใจใฝ่รู้เข้ามามีส่วนร่วมหลายๆ ครั้ง
จนมีพัฒนาการเป็นนิสัยหรือพฤติกรรม ในที่สุดแล้วจึงสามารถกล่าวได้ว่าการเรียนรู้เกิดสัมฤทธิ์ผลโดยสมบูรณ์
หลักสูตร
คำว่า “หลักสูตร” แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “curriculum” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า “currere” หมายถึง“running course” หรือ
เส้นทางที่ใช้วิ่งแข่ง ต่อมาได้นำศัพท์นี้มาใช้ในทางการศึกษาว่า “running
sequence of course or learning experience” (Armstrong, 1989
: 2)
เป็นการเปรียบเทียบหลักสูตรเสมือนสนามหรือลู่วิ่งให้ผู้เรียนจะต้องฟันฝ่าความยากของวิชา
หรือประสบการณ์การเรียนรู้ต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรเพื่อความสำเร็จ
มีนักการศึกษาได้ให้ความหมายของคำว่าหลักสูตรหลายท่าน ยกตัวอย่างเช่น ไทเลอร์ (Tyler. 1949: 79) ได้สรุปว่าหลักสูตรเป็นสิ่งที่เด็กจะต้องเรียนรู้ทั้งหมด
โดยมีโรงเรียนเป็นผู้วางแผนและกำกับเพื่อให้บรรลุถึงจุดหมายของการศึกษา
กู๊ด (Good.
1973: 157) ได้ให้ความหมายของหลักสูตรไว้ 3 ประการ ดังนี้ คือ
1.
หลักสูตร หมายถึง เนื้อหาวิชาที่จัดไว้เป็นระบบให้ผู้เรียนได้ศึกษา
เพื่อสำเร็จหรือรับประกาศนียบัตรในสาขาวิชาหนึ่ง
2.
หลักสูตร หมายถึง เค้าโครงสร้างทั่วไปของเนื้อหาหรือสิ่งเฉพาะที่จะต้องสอน
ซึ่งโรงเรียนจัดให้แก่เด็กเพื่อให้สำเร็จการศึกษาและสามารถเข้าศึกษาต่อในทางอาชีพต่อไป
3.
หลักสูตร หมายถึง กลุ่มวิชาและการจัดประสบการณ์ที่กำหนดไว้ให้ผู้เรียนได้เรียนภายใต้การแนะนำของโรงเรียนและสถานศึกษา
วิชัย
วงษ์ใหญ่ (2537:
12) ได้ให้แนวคิดว่า หลักสูตร คือ
มวลประสบการณ์ทั้งปวงที่จัดให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ครบถ้วนตามมาตรฐานคุณภาพสากล
มาตรฐานความเป็นชาติไทยและมาตรฐานที่ชุมชนท้องถิ่นต้องการ สงัด
อุทรานันท์ (2538:
6) กล่าว หลักสูตร หมายถึง ลักษณะใดลักษณะหนึ่งต่อไปนี้
1. หลักสูตร คือ
สิ่งที่สร้างขึ้นในลักษณะของรายวิชา
ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสาระที่จัดเรียงลำดับความยากง่าย หรือเป็นขั้นตอนอย่างดีแล้ว
2.
หลักสูตร ประกอบด้วยประสบการณ์ทางเรียนซึ่งได้วางแผนล่วงหน้าเพื่อมุ่งหวังจะให้เด็กได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทางที่ต้องการ
3.หลักสูตร
เป็นสิ่งที่สังคมสร้างขึ้นสำหรับให้ประสบการณ์ทางการศึกษาแก่เด็กในโรงเรียน
4.
หลักสูตร ประกอบด้วยมวลประสบการณ์ทั้งหมดของผู้เรียน ซึ่งเขาได้ทำได้รับรู้
และได้ตอบสนองต่อการแนะแนวของโรงเรียน
จากแนวคิดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า หลักสูตร คือ
แนวทางในการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุจุดมุ่งหมายทางการศึกษาตามมาตรฐานสากล
มาตรฐานหลักสูตรแกนกลาง และความต้องการชุมชนท้องถิ่น
๓. อุปมาอุปมัย เมื่อการศึกษาเปรียบได้กับเครื่องมือพัฒนามนุษย์
หลักสูตรเปรียบได้กับสิ่งใด
หลักสูตร เปรียบเสมือนกับแผนที่ ดังที่เซเลอร์ และอเล็กซานเดอร์ (Saylor
and Alexander 1981:5) กล่าวว่าหลักสูตรเปรียบเสมือนแผนการเดินทางและตารางที่ยืดหยุ่นได้ในการดำเนินการศึกษา
หลักสูตรจะถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้อหา
และวิชาการทางด้านการศึกษาระดับชั้นต่างๆรวมอยู่ด้วย ดังคำกล่าวที่ปรากฏจะเห็นได้ว่า
หลักสูตรคือสิ่งชี้นำทางการศึกษา
ช่วยให้ผู้เรียนมีเป้าหมายและทิศทางที่ถูกต้องในการศึกษาเล่าเรียน
ตามความคิดของข้าพเจ้าจึงเปรียบหลักสูตรเสมือนแผนที่ที่จะช่วยบอกทิศทางในการเดินทางให้ไปสู่จุดหมายได้โดยไม่หลงออกนอกพื้นที่
จัดเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้รู้และเข้าใจเส้นทางการเดินทางได้โดยเที่ยงตรง
นับเนื่องตั้งแต่การเริ่มสร้างหลักสูตรนั้นคล้ายคลึงกันกับการสร้างแผนที่
นั่นคือ ต้องประกอบไปด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง และเชี่ยวชาญจากหลายฝ่าย (Team) มาช่วยกันพิจารณา (Curriculum Planning) สร้างหลักสูตรขึ้น
ซึ่งแน่นอนเหลือเกินว่าหลักสูตรที่ดีนั้นย่อมไม่สามารถสร้างขึ้นโดยลำพังได้จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เนื่องเพราะหลักสูตรนั้นต้องสร้างให้เหมาะสมกับสภาพชุมชน ท้องถิ่น
ความต้องการในขณะนั้น
เช่นเดียวกันกับแผนที่ที่ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและใช้ผู้รู้จากหลายฝ่ายในการจัดทำขึ้น
การตั้งเป้าหมาย (Goal) ของหลักสูตรจึงเปรียบเสมือนกับการตั้งเป้าหมายใหญ่หรือสถานที่ที่จะไปในแผนที่
เนื้อหาที่ปรากฏในหลักสูตรก็เสมือนรายละเอียดของหลักสูตรที่ช่วยขยายความให้รายละเอียดที่ชัดเจนโดยอาจปรากฏขึ้นทั้งในรูปแบบของวัจนและอวัจนภาษา
(Verbal and Non-Verbal Language)
จากนั้นจึงเป็นขั้นของการนำหลักสูตรไปใช้ (Curriculum
Implementation) ซึ่งเปรียบกับการใช้แผนที่ในการเสาะแสวงหา Goal
ที่ได้ตั้งไว้
หากผู้ใช้สามารถไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้จริงตามเกณฑ์ที่กำหนดนั่นย่อมเป็นการรับประกันคุณภาพที่ปรากฏของแผนที่
หรือหากเกิดข้อผิดพลาดจะได้หาแนวทางแก้ไข พัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเดิม
ซึ่งแนวคิกเหล่านี้เชื่อมโยงกับ ขั้นตอนในการประเมินผลหลักสูตร (Curriculum
Evaluation) เพื่อให้ผู้ใช้หลักสูตรได้แก้ไข
พัฒนาปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ยังประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ชุมชน สังคม
และประเทศชาติได้อย่างดีที่สุด
โดยขอสรุปแนวความคิดหลักสูตรเปรียบได้ดังแผนที่เป็นตาราง
ดังนี้
หลักสูตร
|
แผนที่
|
คณะหรือองค์กรในการจัดทำ
เช่น คณะผู้บริหาร นักวิชาการ ครูอาจารย์
|
ฝ่ายผู้รับผิดชอบสร้างแผนที่ เช่น นักธรณีวิทยาผู้รับผิดชอบผังเมือง
|
รูปแบบประเมินความต้องการ
Need
Assessment
|
เครื่องหมายแสดงทิศ
|
พันธกิจ
เป้าหมาย
วิสัยทัศน์
|
สถานที่หรือจุดหมายในการเดินทาง
|
รายละเอียด
หลักสูตร
|
รายละเอียดแผนภาพ
|
คณาจารย์
นักเรียน ผู้เกี่ยวข้องนำใช้
|
ผู้ใช้แผนที่นำใช้
|
สรุป
และประเมินผล
|
การเดินทางสู่เหมาย
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น